วัดปากน้ำ เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ ตั้งอยู่ริมคลองบางกอกใหญ่ในเขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร บริเวณที่ตั้งวัดเคยเป็นส่วนหนึ่งของลำแม่น้ำเจ้าพระยาเดิม ก่อนมีการขุดคลองลัดบริเวณหน้าวัดอรุณฯ ทำให้สายน้ำหลักเปลี่ยนไป ปากคลองด่านบริเวณหน้าวัดเป็นที่มาของชื่อ “วัดปากน้ำ” ซึ่งพบว่าใช้ชื่อนี้ในเอกสารโบราณหลายฉบับ แม้ว่าในแผนที่กรุงเทพฯ พ.ศ. 2453 และ พ.ศ. 2474 จะปรากฏชื่อ “วัดสมุทธาราม” แต่ไม่เป็นที่นิยมเรียกใช้
ขอบคุณภาพจาก Facebook: Watpaknam
ความเป็นมาวัดปากน้ำ
วัดแห่งนี้เป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนกลาง ราวปี พ.ศ. 2031–2172 โดยพระราชวงศ์อยุธยา แม้ไม่ปรากฏพระนามผู้สถาปนาแน่ชัด แต่มีหลักฐานทางโบราณวัตถุและโบราณสถานที่แสดงถึงความเก่าแก่ เช่น หอพระไตรปิฏก ตู้พระไตรปิฎกทรงบุษบก และเทคนิคก่อสร้างในพระอุโบสถที่สะท้อนฝีมือช่างหลวงสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ที่ตั้งของวัดถูกล้อมรอบด้วยคลองทั้งสามด้านและมีคลองเล็กทางด้านใต้ ทำให้ลักษณะของวัดเป็นเกาะน้ำในอดีต
ในช่วงต้นกรุงรัตนโกสินทร์ วัดปากน้ำได้รับการสนับสนุนจากพระมหากษัตริย์หลายรัชกาล เช่น พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชเสด็จพระราชดำเนินทางชลมารคมาถวายผ้าพระกฐิน พระเจ้าตากสินมหาราชพระราชทานทรัพย์เพื่อบูรณะพระอุโบสถ และในรัชกาลที่ 3 มีการบูรณะครั้งใหญ่เพื่อคงสถาปัตยกรรมสมัยอยุธยาไว้ รัชกาลที่ 5 ทรงมีพระบรมราชานุญาตให้บูรณะทั้งอารามโดยยังคงศิลปะดั้งเดิม
วัดเคยเสื่อมโทรมในรัชกาลที่ 6 ไม่มีเจ้าอาวาสประจำ จนกระทั่งทางคณะสงฆ์ส่งพระสมุห์สด จนฺทสโร (ภายหลังได้รับสมณศักดิ์เป็นพระมงคลเทพมุนี หรือ “หลวงพ่อวัดปากน้ำ”) เข้ามาเป็นเจ้าอาวาส ท่านได้ปฏิรูปวัดครั้งใหญ่ โดยเน้นการสอนวิปัสสนากรรมฐาน และส่งเสริมการศึกษาพระปริยัติธรรม ตั้งสำนักเรียนบาลี สร้างโรงเรียนพระปริยัติธรรม จนวัดเจริญรุ่งเรือง กลายเป็นศูนย์กลางการศึกษาและการปฏิบัติธรรม
ต่อมาในยุคของสมเด็จพระวันรัต (ปุ่น ปุณฺณสิริ) วัดได้รับการปรับปรุงภูมิทัศน์ครั้งใหญ่ เปลี่ยนเครื่องบนของพระอุโบสถและพระวิหารเป็นศิลปะสมัยรัตนโกสินทร์ ขณะยังคงโครงสร้างดั้งเดิมไว้
ในยุคของสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ) วัดปากน้ำได้รับการส่งเสริมการศึกษาพระปริยัติธรรมอย่างกว้างขวาง มีพระภิกษุสามเณรสอบได้เปรียญธรรม 9 ประโยคจำนวนมาก อีกทั้งยังพัฒนาสถานที่ปฏิบัติธรรมอย่างเป็นสัดส่วน เช่น หอเจริญวิปัสสนา ซึ่งมีพุทธศาสนิกชนเข้าร่วมปฏิบัติภาวนาทุกวัน
ขอบคุณภาพจาก Facebook: Watpaknam
หลวงพ่อวัดปากน้ำ พระมงคลเทพมุนี
พระมงคลเทพมุนี เดิมชื่อ สด มีแก้วน้อย มีฉายาทางธรรมว่า จนฺทสโร เป็นพระภิกษุในนิกายเถรวาท ฝ่ายมหานิกายของไทย เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในหมู่ผู้มีศรัทธาว่า “หลวงพ่อวัดปากน้ำ” เนื่องจากท่านดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ จังหวัดธนบุรี (ปัจจุบันคือกรุงเทพมหานคร)
ท่านมีชื่อเสียงอย่างยิ่งในฐานะพระอาจารย์ด้านวิปัสสนากรรมฐาน ผู้ที่รื้อฟื้นและสืบสานการปฏิบัติธรรมแบบพุทธานุสติในสายโบราณ ซึ่งรู้จักกันในชื่อ “วิชชาธรรมกาย” และกลายเป็นแนวทางสำคัญในการปฏิบัติธรรมของพุทธศาสนิกชนจำนวนมากในยุคปัจจุบัน
เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ
แม้ว่าท่านจะเป็นพระภิกษุผู้รักความสงบและอิสรเสรี ชอบออกเดินธุดงค์เพื่อแสวงหาสถานที่สงบวิเวกในการปฏิบัติธรรม ท่านก็ไม่เคยเพิกเฉยต่อประโยชน์ส่วนรวม ไม่ว่าท่านจะพำนักอยู่ ณ ที่ใด ก็มักจะสร้างคุณูปการให้แก่พื้นที่นั้นเสมอ อีกทั้งท่านยังมีความสามารถรอบด้าน จึงได้รับความไว้วางใจจากพระเถระผู้ใหญ่ในวงการสงฆ์ โดยเฉพาะพระธรรมปิฎก (เผื่อน ติสฺสทตฺโต) แห่งวัดพระเชตุพนฯ ซึ่งเป็นพระอาจารย์ของท่านและดำรงตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอภาษีเจริญในเวลานั้น ได้มองเห็นศักยภาพอันโดดเด่นของท่าน จึงมอบหมายให้ไปจำพรรษาและดูแลวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ โดยให้เริ่มจากการเป็นผู้รักษาการเจ้าอาวาสก่อน ต่อมาจึงแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งพระครูสมุห์ฐานานุกรมของพระศากยยุติยวงศ์
เมื่อถึงกำหนดเดินทาง ท่านได้ออกจากวัดพระเชตุพนฯ โดยสารเรือยนต์หลวงที่กรมการศาสนาจัดถวายเป็นเกียรติแก่พระอารามหลวง โดยมีพระเถรานุเถระจากวัดพระเชตุพนฯ มาส่ง และมีพระภิกษุอีก 4 รูปร่วมเดินทางด้วย ขณะที่ทางวัดปากน้ำก็มีพระเถระและญาติโยมจำนวนมากมารอรับ
เมื่อเดินทางถึงวัดปากน้ำ ท่านพบว่าวัดมีสภาพทรุดโทรมคล้ายวัดร้าง รายล้อมด้วยสวนหมาก สวนพลู สวนมะพร้าว และสวนเงาะ ศาลาในวัดเก่าทรุดโทรม กุฏิมีเพียงไม่กี่หลัง เป็นกุฏิไม้สักขนาดเล็กที่ตั้งอยู่ตามร่องสวน พระภิกษุที่จำพรรษาอยู่มีเพียง 13 รูป และส่วนใหญ่อ่อนทั้งด้านการเรียนพระปริยัติและการปฏิบัติ ทำให้ท่านต้องเผชิญกับอุปสรรคไม่น้อยตั้งแต่วันแรก แต่ท่านมิได้ย่อท้อต่อความยากลำบาก กลับตั้งใจที่จะฟื้นฟูวัดให้เจริญรุ่งเรือง
ขอบคุณภาพจาก Facebook: Watpaknam
จุดเด่นของวัดปากน้ำ
- “พระพุทธธรรมกายเทพมงคล” พระพุทธรูปปางสมาธิขนาดใหญ่ สูง 69 เมตร สร้างเสร็จเมื่อ พ.ศ. 2564 ซึ่งนับเป็นพระพุทธรูปที่สูงที่สุดในกรุงเทพมหานคร และสูงเป็นอันดับ 3 ของประเทศไทย
- พระมหาเจดีย์มหารัชมงคล เป็นสถาปัตยกรรมที่ผสานความงดงามระหว่างศิลปะยุครัตนโกสินทร์และล้านนา มีความสูงถึง 80 เมตร ภายในบรรจุ เจดีย์แก้วที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ให้พุทธศาสนิกชนทั่วไปสามารถเข้าไป สักการะและเยี่ยมชมได้ เจดีย์องค์นี้ยังถูกออกแบบให้แบ่งออกเป็น 5 ชั้น แต่ละชั้นมีความสำคัญและบรรยากาศที่ต่างกัน เสริมให้สถานที่แห่งนี้เป็นทั้งศูนย์รวมจิตใจและแหล่งเรียนรู้ทางศาสนาอย่างแท้จริง
การเดินทางไปวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ
ที่ตั้ง: แขวงปากคลองภาษีเจริญ เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร 10160
🚗 โดยรถยนต์ส่วนตัว
- จาก ถนนเพชรเกษม เลี้ยวเข้าซอย เพชรเกษม 23 หรือ วัดปากน้ำภาษีเจริญ จะมีป้ายบอกตลอดทาง
- สามารถจอดรถได้ในบริเวณวัด มีพื้นที่จอดรถรองรับจำนวนมาก
🚇 โดยรถไฟฟ้า BTS
- ลงสถานี บางหว้า (สายสีเขียว) ทางออก 5
- จากนั้นเดินต่อประมาณ 700 เมตร หรือขึ้น วินมอเตอร์ไซค์ไปยังวัด
🚌 โดยรถโดยสารประจำทาง
สามารถขึ้นรถเมล์สายที่ผ่าน ถนนเพชรเกษม ได้แก่:
- สาย 7, 7ก, 80, 81, 91, 101, 146, 147, 171, 509, 547
- ลงที่ป้ายใกล้ เพชรเกษม ซอย 23 แล้วเดินหรือนั่งมอเตอร์ไซค์ต่อเข้าวัด