วัดเครือวัลย์วรวิหาร เหมาะสำหรับผู้แสวงหาความสงบทั้งทางร่างกายและจิตใจ ไม่ว่าจะมาทำบุญ ฟังธรรม ชมงานศิลป์ หรือร่วมพิธีไว้อาลัย วัดแห่งนี้คือพื้นที่ที่อบอวลไปด้วยความเรียบง่ายแต่ทรงพลังทางจิตวิญญาณ
ประวัติความเป็นมาของวัดเครือวัลย์
วัดเครือวัลย์วรวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร สังกัดคณะสงฆ์ธรรมยุติกนิกาย ตั้งอยู่ใน แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร
ถือเป็นวัดเก่าแก่ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และศิลปะในย่านฝั่งธนบุรี
วัดแห่งนี้สร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา โดยมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นคือ พระอุโบสถและพระวิหารที่หันหน้าเข้าสู่คลองมอญ พร้อมด้วย พระเจดีย์ทรงลังกา 3 องค์ ที่ตั้งเรียงรายอยู่ระหว่างอาคารสำคัญทั้งสอง ซึ่งถือเป็นองค์ประกอบทางสถาปัตยกรรมที่งดงามและหาชมได้ยาก
ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 3 วัดแห่งนี้ได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์ครั้งสำคัญโดย เจ้าพระยาอภัยภูธร (น้อย บุณยรัตพันธุ์) และธิดา คือ เจ้าจอมเครือวัลย์ ซึ่งเป็นเจ้าจอมในรัชกาลที่ 3
พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงพระราชทานนามวัดว่า “วัดเครือวัลย์วรวิหาร” ตามชื่อของเจ้าจอมเครือวัลย์ เพื่อเป็นเกียรติแด่เธอ และวัดนี้ยังถือเป็น วัดประจำตระกูลบุณยรัตพันธุ์ อีกด้วย

ขอบคุณภาพจาก: Facebook วัดเครือวัลย์วรวิหาร
พระอุโบสถที่สถิตแห่ง “พระยืน”
หนึ่งในไฮไลต์สำคัญของวัดเครือวัลย์ คือ พระอุโบสถ ซึ่งทำหน้าที่เป็นอาคารประธานของวัด โครงสร้างของพระอุโบสถแห่งนี้สะท้อนรูปแบบสถาปัตยกรรมไทยสมัย รัชกาลที่ 3 ได้อย่างชัดเจน ด้วยดีไซน์ที่เรียบง่ายแบบไทยประเพณี หน้าบันประดับลวดลายดอกไม้พันธุ์พฤกษาอ่อนช้อย สอดรับกับซุ้มประตูและหน้าต่างที่ตกแต่งด้วยลวดลายในสไตล์เดียวกัน
แม้รูปลักษณ์ภายนอกจะดูคุ้นตาและเป็นไปตามแบบแผนของยุคนั้น แต่เมื่อก้าวเข้าสู่ภายในพระอุโบสถ จะพบความพิเศษที่ไม่เหมือนวัดอื่น ๆ คือ “พระประธานเป็นพระพุทธรูปปางยืน” ไม่ใช่ปางนั่งอย่างที่พบทั่วไปในวัดส่วนใหญ่
พระพุทธรูปยืนที่เป็นพระประธานนี้นับเป็นสิ่งหายาก เพราะมีเพียงไม่กี่วัดในประเทศไทยที่ใช้พระยืนเป็นองค์ประธาน เช่น วัดบวรสถานสุทธาวาส (วัดพระแก้ววังหน้า) ในกรุงเทพฯ และ วัดบุญยืน ในจังหวัดน่าน
ดังนั้น หากคุณต้องการสัมผัสบรรยากาศของศิลปะไทยแบบดั้งเดิมควบคู่กับสิ่งพิเศษทางพุทธศิลป์ที่ไม่เหมือนใคร การได้มายืนต่อหน้า พระพุทธรูปยืนแห่งวัดเครือวัลย์วรวิหาร คือประสบการณ์ที่ควรค่าแก่การจดจำ
จิตรกรรมฝาผนังที่เล่าเรื่อง“พระเจ้า 538 ชาติ”
สิ่งที่ทำให้พระอุโบสถของวัดเครือวัลย์โดดเด่นยิ่งกว่าการมี “พระยืน” เป็นพระประธาน ก็คือ จิตรกรรมฝาผนังที่เล่าเรื่อง “พระเจ้า 538 ชาติ” อย่างละเอียดและน่าทึ่ง
ภายในพระอุโบสถ ผนังทั้งสี่ด้านถูกแบ่งเป็นช่องสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ซึ่งบรรจุเรื่อง ชาดก หรือเรื่องราวในอดีตชาติของพระพุทธเจ้าเอาไว้อย่างครบถ้วน โดยแต่ละช่องมีภาพประกอบ พร้อมชื่อชาดกกำกับอยู่ใต้ภาพ รวมแล้วทั้งหมดมีถึง 538 เรื่อง ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนมากที่สุดแห่งหนึ่งในเมืองไทย
ถึงแม้ว่าในอดีตจะเคยมีการเขียนชาดกในลักษณะนี้ เช่น ที่วัดราชบูรณะ (พระนครศรีอยุธยา) หรือวัดศรีชุม (สุโขทัย) แต่ก็ไม่เคยมีที่ใดรวบรวมชาดกไว้มากเท่ากับที่วัดเครือวัลย์แห่งนี้เลย
พระราชประสงค์จากรัชกาลที่ 3 สู่จิตรกรรมเหนือกาลเวลา
การสร้างสรรค์ภาพชาดกจำนวนมากครั้งนี้ เชื่อกันว่าเป็นไปตาม พระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยมีหลักฐานปรากฏในบทกลอนเพลงยาวสรรเสริญพระเกียรติ ที่แต่งโดย หมื่นพรหมสมพัตสร (นายมี มหาดเล็ก) ซึ่งเคยเป็นจิตรกรผู้เขียน “ภูริทัตชาดก” ที่วัดอรุณฯ เช่นกัน
แม้กลอนบทนี้จะระบุว่าเขียนไว้ “510 ชาติ” แต่เมื่อนับจริงกลับได้ 538 ช่อง ซึ่งเชื่อว่าเป็นการปรับตัวเลขเพื่อให้สอดคล้องกับฉันทลักษณ์ในกลอน มากกว่าจะต้องการระบุจำนวนที่แน่นอน
วัดเครือวัลย์ VS วัดโพธิ์ – ศิลปะชาดกคนละรูปแบบ
แม้วัดโพธิ์ (วัดพระเชตุพนฯ) จะมีการเล่าเรื่องชาดกจำนวนมากถึง 547 เรื่อง ซึ่งมากกว่าที่วัดเครือวัลย์ แต่รูปแบบการจัดวางแตกต่างกัน เพราะที่วัดโพธิ์ใช้พื้นที่ คอสองของศาลาราย 16 หลัง ในการแสดงชาดก พร้อมจารึกกำกับรายละเอียด
ในขณะที่ วัดเครือวัลย์ใช้ผนังด้านในพระอุโบสถทั้งหมด จึงให้ความรู้สึกโอบล้อมด้วยเรื่องราวแห่งพระโพธิสัตว์ทุกชาติภพ ขณะที่ผู้มาเยือนนั่งอยู่เบื้องหน้าพระยืน — เปรียบเสมือนนั่งอยู่ท่ามกลางประวัติศาสตร์แห่งการสร้างบารมี

ขอบคุณภาพจาก: Facebook วัดเครือวัลย์วรวิหาร
ลวดลายประตู-หน้าต่างที่งามสง่า
นอกจากภาพชาดกบนผนังแล้ว ยังมี จิตรกรรมบนบานประตูและหน้าต่าง ที่งดงามไม่แพ้กัน โดยเป็นภาพ “ฉัตร” บนพื้นสีแดง ล้อมรอบด้วยลายพันธุ์พฤกษา
ความต่างมีเพียงเล็กน้อย คือ
- ภาพบนประตูมี “ทหารถือฉัตร” ขณะภาพบนหน้าต่างไม่มี
- ฉัตรบนประตูเป็นแบบ 5 ชั้น ส่วนหน้าต่างใช้ ฉัตร 7 ชั้น เพิ่มความอ่อนช้อยและมิติแห่งศิลป์
ฌาปนสถานกองทัพเรือ
ส่งผู้ล่วงลับด้วยเกียรติและความสงบ ในสถานที่อันเปี่ยมด้วยศรัทธาและวัฒนธรรม
ภายใน วัดเครือวัลย์วรวิหาร พระอารามหลวงเก่าแก่แห่งย่านบางกอกใหญ่ มีพื้นที่หนึ่งที่สงบ เรียบง่าย และเต็มไปด้วยความหมายทางจิตวิญญาณ นั่นคือ “ฌาปนสถานกองทัพเรือ”
สถานที่แห่งนี้ทำหน้าที่รองรับพิธีศพของ ข้าราชการกองทัพเรือ และประชาชนทั่วไปที่ต้องการจัดงานอย่างสมเกียรติ สง่างาม และเป็นไปตามแบบแผนแห่งกองทัพ
บุญพาพวงหรีด – พวงหรีดวัดเครือวัลย์วรวิหาร
ส่งใจครั้งสุดท้าย… อย่างสมเกียรติและเปี่ยมความหมาย
เมื่อถึงเวลาที่ต้องแสดงความอาลัยให้กับผู้ล่วงลับในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อย่าง
วัดเครือวัลย์วรวิหาร — วัดเก่าแก่ริมฝั่งธนบุรี ที่เปี่ยมด้วยคุณค่าทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม
“บุญพาพวงหรีด” ขอเป็นสะพานบุญในการส่งต่อความเคารพ ความรัก และความอาลัยอย่างงดงาม
การเดินทางไปวัดเครือวัลย์วรวิหาร
ที่ตั้ง: แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร
พิกัด: อยู่ติดริมคลองมอญ ใกล้วัดอรุณราชวราราม และริมแม่น้ำเจ้าพระยา
🚌 เดินทางโดยรถโดยสารสาธารณะ
- รถเมล์สายที่ผ่าน:
สาย 19, 57, 83, 149, 710 (ขึ้น-ลงบริเวณถนนวังเดิม ใกล้แยกวัดเครือวัลย์) - รถสองแถว/มินิบัสท้องถิ่น: วิ่งผ่านถนนวังเดิม–อรุณอมรินทร์
🚆 เดินทางโดยรถไฟฟ้า
- MRT สายสีน้ำเงิน:
ลงสถานี อิสรภาพ (ทางออก 1) จากนั้นนั่งวินมอเตอร์ไซค์หรือแท็กซี่ต่อมายังวัด ประมาณ 5-10 นาที
🛥️ เดินทางโดยเรือ
- เรือด่วนเจ้าพระยา:
- ขึ้นที่ท่าเรือ วัดอรุณฯ / ท่าเรือวังหลัง (ศิริราช)
- ข้ามฟากมายังฝั่งวัดอรุณ แล้วเดินหรือนั่งรถต่อมาไม่ไกล
- ใช้เวลาประมาณ 5-10 นาที ถึงวัดเครือวัลย์
🚘 เดินทางโดยรถส่วนตัว
- ใช้เส้นทาง ถนนอรุณอมรินทร์ → ถนนวังเดิม แล้วเลี้ยวเข้าทางวัดเครือวัลย์
- สามารถจอดรถได้ในบริเวณวัด (มีพื้นที่จอดจำนวนหนึ่ง)
- แผนที่: https://maps.app.goo.gl/vzBzEG5YsaMRzcgz5
สรุป
วัดเครือวัลย์วรวิหาร จึงไม่ใช่แค่วัดเก่าแก่ริมน้ำใกล้วัดอรุณฯ แต่คือคลังสมบัติทางจิตรกรรมชาดกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในแผ่นดินไทย
หากคุณคือคนรักศิลปะ พุทธธรรม หรือประวัติศาสตร์ — ที่นี่คือวัดที่ต้องไปให้ได้สักครั้งในชีวิต