หากคุณเป็นนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบความงามทางศิลปวัฒนธรรม และอยากใช้เวลาอย่างละเมียดละไมในการซึมซับเสน่ห์ของกรุงเทพฯ วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร หรือ “วัดอรุณ” คือสถานที่หนึ่งที่ไม่ควรพลาด

ประวัติวัดอรุณ
สำหรับนักท่องเที่ยวที่หลงใหลในประวัติศาสตร์ไทยและอยากสัมผัสความงดงามของสถาปัตยกรรมโบราณ วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร หรือที่รู้จักกันในชื่อ “วัดอรุณ” หรือ “วัดแจ้ง” ถือเป็นสถานที่สำคัญที่ควรค่าแก่การแวะชมอย่างยิ่ง
วัดอรุณเป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรมหาวิหาร อีกทั้งยังเป็นวัดประจำรัชกาลของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (รัชกาลที่ 2) ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันตก ใกล้พระราชวังเดิมและคลองวัดแจ้ง ในเขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร
วัดแห่งนี้เป็นวัดเก่าแก่ที่มีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ก่อนยุคของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช โดยต่อมาได้รับพระราชทานนามว่า “วัดแจ้ง” จากสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เมื่อครั้งเสด็จยกทัพกลับจากการกอบกู้กรุงศรีอยุธยา และเสด็จมาถึงบริเวณหน้าวัดในยามเช้ารุ่งอรุณพอดี จึงถือเป็นสถานที่ที่มีความหมายลึกซึ้งทางประวัติศาสตร์
วัดอรุณไม่ได้เป็นเพียงสถานที่ศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น แต่ยังเปี่ยมด้วยเรื่องราวแห่งความกล้าหาญและการฟื้นฟูแผ่นดิน ที่นักท่องเที่ยววัยผู้ใหญ่สามารถเดินทางมาสัมผัสความสงบ ความงาม และรากเหง้าของประวัติศาสตร์ไทยได้อย่างเต็มอิ่ม.
จุดที่น่าสนใจของวัดอรุณ

1. พระปรางค์วัดอรุณ (พระปรางค์ใหญ่)
พระปรางค์วัดอรุณเป็นสถาปัตยกรรมสำคัญที่โดดเด่นเหนือกาลเวลา นับเป็นสัญลักษณ์คู่กรุงเทพฯ และมีประวัติยาวนานมาตั้งแต่ต้นรัตนโกสินทร์ โดยเฉพาะในรัชกาลที่ 2 ที่เริ่มมีการบูรณะ และได้รับการตกแต่งอย่างอลังการในสมัยรัชกาลที่ 3
พระปรางค์องค์ใหญ่นี้มีความสูงประมาณ 82 เมตร ประดับประดาด้วยกระเบื้องเคลือบ เครื่องลายคราม และชิ้นส่วนเซรามิกจากจีนที่ช่างโบราณได้นำมาปะติดเป็นลวดลายดอกไม้ไทยอย่างวิจิตรงดงาม
สำหรับนักท่องเที่ยววัยผู้ใหญ่ การเดินชมรอบฐานพระปรางค์พร้อมฟังประวัติหรือศึกษาลวดลายแต่ละชิ้นจะได้ทั้งความรู้และความซาบซึ้งในภูมิปัญญาช่างสมัยรัชกาลที่ 3 หากสุขภาพอำนวย ยังสามารถขึ้นบันไดไปชมวิวจากชั้นบน ซึ่งจะเห็นทิวทัศน์ของแม่น้ำเจ้าพระยา พระบรมมหาราชวัง และวัดพระเชตุพนฯ ได้อย่างชัดเจน เป็นหนึ่งในภาพที่ประทับใจไม่รู้ลืม
2. พระอุโบสถ และพระพุทธธรรมมิศรราชโลกธาตุดิลก
พระอุโบสถวัดอรุณสร้างในสมัยรัชกาลที่ 2 และมีพระประธาน คือ พระพุทธธรรมมิศรราชโลกธาตุดิลก ซึ่งเป็นพระพุทธรูปศิลปะแบบรัตนโกสินทร์ ประดิษฐานอยู่ภายใน
ภายในพระอุโบสถมีบรรยากาศสงบ เย็น และเหมาะสำหรับผู้สูงอายุที่ต้องการสถานที่นั่งพัก ทำจิตใจให้สงบ หรือร่วมสวดมนต์อย่างสงบเรียบ ภาพจิตรกรรมฝาผนังรอบอุโบสถเล่าถึงพุทธประวัติและแนวคิดธรรมะ ซึ่งทั้งงดงามและแฝงแง่คิดลึกซึ้ง เหมาะกับการนั่งพิจารณาอย่างช้า ๆ
พื้นที่ภายในกว้างขวาง โปร่ง และมีเจ้าหน้าที่ดูแลคอยแนะนำอย่างเป็นกันเอง เพิ่มความสะดวกให้ผู้สูงอายุที่อาจใช้ไม้เท้าหรือรถเข็น
3. พระวิหารน้อย และพระพุทธนฤมลธรรโมภาส
พระวิหารน้อยเป็นอีกจุดหนึ่งที่มีความสำคัญไม่น้อย ภายในประดิษฐานพระพุทธนฤมลธรรโมภาส ซึ่งเป็นพระพุทธรูปศิลปะรัตนโกสินทร์ในอิริยาบถสงบนิ่ง
พระวิหารน้อยตกแต่งเรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของความศักดิ์สิทธิ์ มักเป็นที่นิยมของผู้สูงวัยที่ต้องการทำบุญแบบเงียบ ๆ หรือสวดมนต์ในมุมส่วนตัว
ด้านในมีงานไม้แกะสลักเก่าแก่ รวมถึงงานจิตรกรรมที่ผสานเรื่องราวทางศาสนาได้อย่างงดงาม การนั่งพินิจอย่างช้า ๆ จึงเหมาะกับนักท่องเที่ยวที่ชอบความสงบ ความลึกซึ้ง และต้องการเสพงานศิลป์ไทยแบบใกล้ชิด
4. จิตรกรรมฝาผนังในอุโบสถ
จิตรกรรมฝาผนังของวัดอรุณฯ ภายในพระอุโบสถ ถือเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของศิลปะไทย ภาพวาดเหล่านี้วาดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 แสดงเรื่องราวเกี่ยวกับพระพุทธเจ้า พุทธประวัติ ตลอดจนหลักธรรมคำสอน
ความพิเศษอยู่ที่การจัดองค์ประกอบภาพอย่างลงตัว รายละเอียดของใบหน้า เครื่องแต่งกาย และฉากหลังที่วาดด้วยความประณีต ทำให้แต่ละภาพสามารถเล่าเรื่องได้อย่างชัดเจนและเข้าใจง่าย
ผู้สูงอายุที่สนใจในประวัติศาสตร์ศิลปะไทยสามารถใช้เวลานั่งชมได้อย่างเพลิดเพลิน ภายในมีแสงสว่างเหมาะสม อากาศถ่ายเท ไม่แออัด และมีพื้นที่นั่งพักเป็นระยะ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม
5. บรรยากาศริมแม่น้ำเจ้าพระยา
อีกหนึ่งความประทับใจของวัดอรุณคือบรรยากาศริมแม่น้ำเจ้าพระยา ที่มีทั้งความสงบและความงามตามธรรมชาติ
นักท่องเที่ยวสามารถเดินเล่นอย่างช้า ๆ ชมเรือแล่นผ่าน พร้อมสูดกลิ่นไอแม่น้ำเก่าแก่ที่เปี่ยมด้วยเรื่องราวประวัติศาสตร์ของกรุงเทพฯ โดยเฉพาะในช่วงเช้าหรือเย็น บริเวณท่าน้ำวัดจะมีแสงที่สวยงามและลมพัดเย็นสบาย
จุดนี้เหมาะสำหรับผู้สูงวัยที่ต้องการพักผ่อน ทบทวนสิ่งที่ได้เห็นภายในวัด หรือเพียงแค่นั่งมองสายน้ำไหลเอื่อย ๆ ก็สามารถสร้างความสุขทางใจได้อย่างเรียบง่ายและลึกซึ้ง
ตำนานยักษ์วัดแจ้งยักษ์วัดโพธิ์
เรื่องเล่าขานกันมายาวนานในหมู่ชาวกรุงเทพฯ คือ “ตำนานยักษ์วัดแจ้งกับยักษ์วัดโพธิ์” ที่สื่อถึงความเชื่อพื้นบ้านเกี่ยวกับสองวัดสำคัญริมแม่น้ำเจ้าพระยา คือ วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร (วัดแจ้ง) และ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร (วัดโพธิ์)
ตามตำนานเล่าว่า…
ในสมัยก่อน มี ยักษ์ใหญ่ 2 ตน เฝ้าวัดอยู่ฝั่งตรงข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ได้แก่
- ยักษ์วัดแจ้ง (วัดอรุณ)
- ยักษ์วัดโพธิ์ (วัดเชตุพน)
ทั้งสองตนเป็นเพื่อนรักกัน แต่ก็มีนิสัยหุนหันและใจร้อน วันหนึ่งเกิดทะเลาะกันเรื่องหนี้สิน โดยยักษ์วัดแจ้งติดหนี้ยักษ์วัดโพธิ์ แต่ไม่ยอมคืนเงิน จึงเกิดการต่อสู้กันอย่างดุเดือดกลางแม่น้ำเจ้าพระยา
การต่อสู้ของยักษ์ทั้งสองทำให้เกิดความเสียหายอย่างหนัก บ้านเมืองเดือดร้อนไปทั่ว จนกระทั่ง พระอินทร์ ทราบเรื่อง จึงลงมาระงับเหตุและสาปให้ยักษ์ทั้งสอง กลายเป็นหิน ยืนเฝ้าวัดของตนตลอดไปเพื่อเป็นการไถ่บาป
ปัจจุบัน:
- ยักษ์วัดแจ้ง: สามารถพบได้ที่ซุ้มประตูทางเข้าพระอุโบสถวัดอรุณ เป็นรูปปั้นยักษ์ขนาดใหญ่ 2 ตน คือ
- ยักษ์ทศกัณฐ์ (สีเขียว)
- ยักษ์สหัสเดชะ (สีขาว)
ทั้งสองเป็นยักษ์ในวรรณคดีเรื่องรามเกียรติ์ และเป็นที่เคารพบูชาของผู้คน
- ยักษ์วัดโพธิ์: ประดับอยู่ที่หน้าประตูวัดโพธิ์ (ฝั่งท่าเตียน) แต่ปัจจุบันได้มีการเก็บรักษาไว้ภายในวัดอย่างดี เพื่ออนุรักษ์รูปปั้นเก่าแก่ที่มีคุณค่าทางศิลปกรรม

การเดินทางไปวัดอรุณ
การเดินทางไปวัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร สามารถเดินทางได้หลายวิธี ดังนี้
- โดยรถยนต์ส่วนตัว
ขับรถมาตามถนนพระราม 3 หรือถนนราษฎร์บูรณะ แล้วเลี้ยวเข้าถนนอรุณอมรินทร์ วิ่งตรงไปจนถึงท่าน้ำวัดอรุณ สามารถจอดรถได้บริเวณใกล้เคียง แต่ควรเผื่อเวลาหาที่จอดเนื่องจากพื้นที่อาจจำกัดในวันหยุดหรือวันสำคัญ - โดยรถประจำทาง
สามารถขึ้นรถเมล์สายที่ผ่านถนนอรุณอมรินทร์ เช่น สาย 1, 22, 75, 123 หรือสอบถามสายรถเมล์ที่ผ่านวัดอรุณจากแอปฯ ขนส่งสาธารณะต่าง ๆ ได้ง่าย ๆ - โดยเรือโดยสาร
วิธีที่สะดวกและนิยมมากสำหรับนักท่องเที่ยว คือ นั่งเรือด่วนเจ้าพระยา ลงที่ท่าวัดอรุณ (ท่าที่ 8) จากท่าเรือท่าเตียน หรือท่าอื่น ๆ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ชมวิวแม่น้ำสวย ๆ ระหว่างทางก่อนถึงวัด - โดยรถไฟฟ้า BTS และเรือ
นั่งรถไฟฟ้า BTS ลงที่สถานีสะพานตากสิน (S6) แล้วเดินไปท่าเรือสาทร (ท่า BTS) ต่อเรือด่วนเจ้าพระยาไปยังท่าวัดอรุณ
แผนที่วัดอรุณ: https://maps.app.goo.gl/8KnKxzAAsBE1NdG57
สำหรับนักท่องเที่ยววัยผู้ใหญ่ แนะนำใช้บริการเรือด่วนเจ้าพระยา เพราะนอกจากจะสะดวก ยังได้สัมผัสบรรยากาศแม่น้ำเจ้าพระยาและชมวิวสวย ๆ ระหว่างทางอีกด้วย